ข้อมูลการเตรียมตัวนักวิ่ง BMW BERLIN-MARATHON 2025
ขอแสดงความยินดีกับนักวิ่งทุกท่านที่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน BMW BERLIN-MARATHON 2025 หนึ่งในสนามระดับตำนานของโลก ที่ไม่เพียงมีชื่อเสียงเรื่องเส้นทางแบนราบที่สุดในบรรดา World Marathon Majors เท่านั้น แต่ยังเป็นสนามแห่งสถิติโลก และความฝันของนักวิ่งขาแรงทำเวลา
การได้เข้าร่วมงานวิ่งนี้ คือการได้สัมผัสบรรยากาศของเรซที่เต็มไปด้วยพลัง เสียงเชียร์จากสองข้างทาง และการได้วิ่งผ่านประตู Brandenburg Gate เพื่อเข้าเส้ยชัยอย่างสง่างาม
แม้งานนี้จะเปิดให้ลงทะเบียนผ่านระบบล็อตโต้ แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าโอกาสได้มีไม่มาก
สำหรับนักวิ่งที่พลาดโอกาสล็อตโต้ในปีนี้ — ยังสามารถเดินทางไปร่วมงานได้ ผ่านแพ็คเกจจาก LET’S RUN THE WORLD
ซึ่งเป็น Official Tour Operator อย่างเป็นทางการในประเทศไทย สำหรับ BMW BERLIN-MARATHON
สนามนี้ไม่ใช่แค่วิ่งให้จบ — แต่คือการเข้าใกล้ขีดจำกัดของตัวเอง และได้เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางแห่งประวัติศาสตร์บนถนนเมืองเบอร์ลิน 🇩🇪✨
ข้อมูลทั่วไป
สกุลเงิน
ประเทศเยอรมันใช้สกุลเงินยูโร (EUR) โดยในช่วงเดือนสิงหาคม 2025 อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ประมาณ €1 = 38 บาท
ร้านค้าและร้านอาหารส่วนใหญ่ (เกือบ 99%) รับบัตรเครดิต ได้อย่างสะดวก เพื่อความสะดวกและปลอดภัย ไม่จำเป็นต้องพกเงินสดจำนวนมาก
แนะนำให้ตรวจสอบกับธนาคารผู้ออกบัตรของล่วงหน้า เพื่อเปิดใช้บริการรูดบัตรในต่างประเทศและตรวจสอบอัตราค่าธรรมเนียมในการใช้จ่ายระหว่างประเทศเป็นเงินสกุลยูโร

เครื่องใช้ไฟฟ้า
ไฟฟ้าที่เยอรมันเป็นกระแสไฟ 230 Volt สามารถนำเครื่องใช้ไฟฟ้าไปใช้ได้ แต่ต้องเตรียม adapter ไปด้วย เนื่องจากปลั๊กเป็นแบบ Type E 2 ขากลม
สภาพอากาศ
ในช่วงกลางเดือนกันยายน ที่ Berlin อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 10-20° เซลเซียส โอกาสเกิดฝนประมาณ 25% ควรเตรียมเสื้อกันหนาว และเสื้อกันฝนไปเผื่อด้วย
เวลา
เวลาท้องถิ่นของเมือง Berlin ช้ากว่าไทย 5 ชั่วโมง
Schengen Visa
Schengen มีทั้งหมด 29 ประเทศ คือ Austria, Belgium, Bulgaria, Croatia, Czech Republic, Denmark, Estonia, Finland, France, Germany, Greece, Hungary, Iceland, Italy, Latvia, Liechtenstein, Lithuania, Luxembourg, Malta, Netherlands, Norway, Poland, Portugal, Romania, Slovakia, Slovenia, Spain, Sweden และ Switzerland จากประสบการณ์ในอดีต ไม่ว่าจะสถานทูตไหน ทั้งในไทยและต่างประเทศ ไอเดียคร่าวๆ คือ จุดประสงค์การเดินทางของเราต้องชัดเจน และทำให้ทางกงสุลมั่นใจได้ว่า เราเดินทางไปเพื่อจุดประสงค์นั้นจริงๆ ไม่มีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง และมั่นใจว่าเราจะเดินทางกลับเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจตามจุดประสงค์นั้นแล้ว
เอกสารประกอบการขอวีซ่า
- กรอกใบสมัครขอวีซ่า เซ็นชื่อและลงวันที่ (ตัวจริง)
- รูปถ่ายหน้าตรง จำนวน 2 รูป พื้นหลังสีขาว ขนาด 3.5 x 4 cm รูปต้องเหมือนกัน และห้ามซ้ำกับรูปในวีซ่าอันเก่า เห็นใบหน้าชัดเจน หรือ 75% ของรูป
- หนังสือเดินทาง (ตัวจริง + สำเนา)
- หนังสือเดินทางเล่มเก่า (ตัวจริง + สำเนา) เพื่อแสดงประวัติการเดินทาง
- แผนการท่องเที่ยว ระบุรายละเอียดทีละวันตั้งแต่ออกเดินทาง ว่าเดินทางด้วยไฟลท์อะไร แต่ละวันไปเที่ยวไหน พักที่ไหนในแต่ละคืน จนกระทั่งไฟลท์ในวันเดินทางกลับ
- เอกสารการจองตั๋วเครื่องบินไป-กลับ
- เอกสารการจองที่พักในแต่ละคืน
- ประกันภัยการเดินทาง ต้องครอบคลุมวันเดินทางทั้งหมด และครอบคลุมค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาล 30,000 ยูโร หรือตามที่แต่ละสถานทูตระบุ นอกจากนี้อาจต้องมี medical evacuation ด้วย โดยมีรายละเอียดของชื่อประเทศที่จะไปทั้งหมดอย่างชัดเจน
- หนังสือรับรองการทำงาน (ฉบับจริง) หรือเอกสารประกอบธุรกิจ
- สลิปเงินเดือน 3 เดือนล่าสุด (สำเนา)
- สำเนารายการเดินบัญชีย้อนหลัง 3-6 เดือน พร้อมทั้งหนังสือรับรองการเป็นเจ้าของบัญชีจากธนาคาร
ควรมีเงินในบัญชีเท่าไหร่
ไม่มีคำตอบตายตัว แต่อย่างน้อยควรมีประมาณ 150-200 ยูโรต่อวัน (คร่าวๆ วันละ 6,000-8,000 บาท) เช่น ถ้าเดินทาง 7 วันก็มี 56,000 บาทในบัญชีเป็นอย่างน้อยให้อุ่นใจ แม้ว่าจะไม่ได้ตายตัวอย่างที่บอก แต่เป็นการสร้างความมั่นใจให้สถานทูตว่า เรามีเงินเพียงพอที่จะไปเที่ยวจริงๆ ที่สำคัญคือ เงินที่อยู่ในบัญชี ควรเป็นเงินที่มีการเคลื่อนไหวอยู่เรื่อยๆ หรือมีอยู่ในบัญชีมานานแล้ว ไม่ใช่มียอดเงินเพิ่มขึ้นมากระทันหันก่อนไปขอวีซ่า
ไม่มีงานประจำทำ
ต้องเขียนจดหมายอธิบายว่าเราทำอาชีพอะไร มีรายได้อย่างไร ธุรกิจเป็นอย่างไร มีที่มาของรายได้อย่างไร โดยพยายามหาหลักฐานมาประกอบการอธิบายนั้น ทำยังไงก็ได้ให้เค้าเชื่อว่าเรามีรายได้จากอาชีพสุจริตจริงๆ และมีหลักฐานให้เค้าเห็นจริงๆ สำหรับคนที่ทำธุรกิจส่วนตัวก็อาจจะมีใบอนุญาตประกอบการ หรือหลักฐานการเสียภาษีของธุรกิจก็ได้ หรือถ้ากรณีที่พ่อแม่ผู้ปกครองออกค่าใช้จ่ายให้ ก็ให้มีจดหมายชัดเจนว่าใครเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ใคร
ต้องยื่นเรื่องที่สถานทูตไหน
ถ้าตามกฎของเชงเก้นคือ
👉🏼 ไปประเทศไหนนานที่สุด ให้ยื่นกับสถานทูตนั้น
👉🏼 ไปหลายประเทศแต่จำนวนวันเท่ากัน ให้ยื่นของประเทศแรกที่ไปถึง
หลังจากยื่นคำร้องขอวีซ่าแล้ว จะใช้เวลาประมาณ 2-4 สัปดาห์ แนะนำให้ทำเรื่องขอวีซ่าก่อนการเดินทางอย่างน้อย 1-2 เดือน แต่ไม่เกิน 90 วัน
เที่ยวบินจากไทยไป Berlin
ปัจจุบัน ยังไม่มีเที่ยวบินตรง จากกรุงเทพฯ (BKK) ไปยังสนามบินเบอร์ลิน (BER – Berlin Brandenburg Airport) จำเป็นต้องต่อเครื่อง 1 ครั้ง ที่เมืองหลักในยุโรปหรือตะวันออกกลาง
| สายการบิน | เส้นทาง | เวลาบินโดยรวม | จุดเด่น |
|---|---|---|---|
| Thai Airways + Lufthansa | BKK – FRA – BER | 14–16 ชม. | มาตรฐานดี บินสู่แฟรงก์เฟิร์ตแล้วต่อในประเทศ |
| Singapore Airlines | BKK – SIN – BER | 16–18 ชม. | บริการดีเยี่ยม เครื่องใหม่ |
| Emirates | BKK – DXB – BER | 16–17 ชม. | ต่อเครื่องที่ดูไบ เครื่องใหม่ |
| Qatar Airways | BKK – DOH – BER | 15–17 ชม. | ต่อเครื่องที่โดฮา เครื่องใหม่ |
| Turkish Airlines | BKK – IST – BER | 15–16 ชม. | มีเที่ยวบินหลายช่วงเวลา |
| Finnair | BKK – HEL – BER | 15–17 ชม. | เครื่องใหม่ ต่อเครื่องที่เฮลซิงกิเร็วมาก |
แนะนำให้เลือกไฟลท์ที่ ถึงเบอร์ลินช่วงเช้าหรือบ่าย เพื่อปรับตัวกับเวลา
การเตรียมตัวก่อนเดินทาง
เพื่อให้ทริปราบรื่น ไม่มีสะดุด และพร้อมสำหรับวันแข่งอย่างเต็มที่ อย่าลืมเตรียมสิ่งเหล่านี้ให้ครบก่อนออกเดินทาง
- จัดอุปกรณ์ที่จะใช้ในวันแข่งลง Carry On
อุปกรณ์วันแข่งห้ามโหลดใต้เครื่อง รองเท้า เสื้อผ้าวิ่ง หรืออุปกรณ์ที่จำเป็นในวันแข่ง ควรเก็บไว้ใน carry-on หรือเป้ติดตัวขึ้นเครื่อง เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น กระเป๋าหาย หรือมาถึงล่าช้า - เตรียมเอกสารการเดินทาง ประกันเดินทาง
เตรียมหนังสือเดินทางให้พร้อม ให้แน่ใจว่ามีอายุเหลืออย่างน้อย 6 เดือนทั้งขาไปและขากลับ ตรวจสอบชื่อนามสกุลตัวสะกดบนวีซ่าให้แน่ใจอีกครั้ง นอกจากนี้ ยังมีเอกสารอื่นๆ เช่น วัคซีน ประกันเดินทาง ฯลฯ ซึ่งนอกจากจะถ่ายรูปเก็บไว้ในมือถือแล้ว ยังแนะนำให้ถ่ายเอกสารเก็บไว้เป็นกระดาษสำรองไว้ (เผื่อมือถือหายจะได้ยังมีข้อมูล) - วีซ่าเชงเก้น และตั๋วเครื่องบินขากลับ
เตรียมข้อมูลตั๋วเครื่องบินขากลับ เพราะ ตม. อาจสุ่มตรวจสอบถามข้อมูล เช็คให้แน่ใจว่าวันที่บินกลับ ยังอยู่ในช่วงที่วีซ่าเชงเก้นยังมีอายุอยู่ - แลกเงิน เตรียมบัตรเครดิต หรือ Travel Card
ส่วนใหญ่ร้านค้า ร้านอาหาร จะเป็นระบบ cashless เกือบหมด สามารถจ่ายเงินด้วยบัตรที่มีสัญลักษณ์ touchless นอกจากนี้ แนะนำให้แลกเงินสดไว้บ้าง (แบงค์ย่อยเล็กๆ) เผื่อฉุกเฉิน ไม่แนะนำให้พกเงินสดจำนวนเยอะๆ - เตรียมอุปกรณ์ First Aid ยาประจำตัว วิตามิน อาหารเสริม
เนื่องจากยาหลายชนิด โดยเฉพาะที่ไม่ใช่ยาสามัญทั่วไป จะต้องใช้ใบสั่งแพทย์ (prescription) ในการซื้อ ควรพกไปให้ครบตั้งแต่ต้นทาง และควรเป็นยาที่มีฉลากชัดเจน - รีวิวแผนการเดินทาง
นำแผนการเดินทางมารีวิวดูอีกที พักที่ไหน เอา address มา save ไว้ใน Google Maps ให้พร้อมโหลด maps เป็นแบบ offline เผื่อไว้ก็ดี ส่วนตัวจะใช้ app ชื่อ TripIt เป็น app ที่มีประโยชน์มากๆ จัดเรียงข้อมูลทุกอย่างแบบ offline ไว้ในมือถือ ค้นหาสะดวกมาก - ถ่ายรูปกระเป๋าที่โหลด
หากกระเป๋าเสียหายจะได้มีหลักฐานสภาพกระเป๋าก่อนเสียหาย หรือถ้ากระเป๋าล่าช้า/หาย จะเป็นประโยชน์ต่อสายการบินในการค้นหากระเป๋าได้เร็วขึ้น
เมื่อเดินทางถึงสนามบิน BERLIN
หากเดินทางด้วยสายการบิน Qatar, Emirates, Turkish, Singapore Airlines การตรวจคนเข้าเมืองจะทำที่สนามบิน Berlin
หากเดินทางด้วยสายการบินที่ทำการต่อเครื่องในยุโรป จะต้องผ่านการตรวจคนเข้าเมืองที่ประเทศเชงเก้นแรกที่ไปถึง แล้วต่อเครื่องไปยังเบอร์ลิน
เช่น
- Lufthansa ออกจากกรุงเทพ ไปเปลี่ยนเครื่องและทำการตรวจคนเข้าเมืองที่ Frankfurt หรือ Munich
- FinnAir ออกจากกรุงเทพ ไปเปลี่ยนเครื่องและทำการตรวจคนเข้าเมืองที่ Helsinki
สิ่งที่ต้องเตรียม
- หนังสือเดินทาง
- ข้อมูลที่พัก (ชื่อและที่อยู่โรงแรม)
- ข้อมูลตั๋วเครื่องบินขากลับ
การเดินทางเข้าเมือง
1. รถไฟด่วนสนามบิน (Airport Express – FEX) [แนะนำที่สุด]วิ่งตรงจาก BER Terminal 1 → Berlin Hauptbahnhof (สถานีรถไฟกลาง) ใช้เวลา ประมาณ 30 นาที รถออกทุก 30 นาที จอดระหว่างทางที่ Ostkreuz, Gesundbrunnen ฯลฯ
ค่าโดยสาร: €4.50 (สำหรับเขต ABC)
2. รถไฟ S-Bahn (สาย S9 และ S45) << แนะนำวิธีนี้สำหรับนักวิ่ง LET’S RUN THE WORLD
เดินทางจาก สถานี BER Terminal 1-2 (ชั้นล่างสุด) เข้าสู่เมือง เหมาะกับผู้ที่พักแถบ Alexanderplatz, Ostbahnhof, Friedrichstraße ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง
สายที่ให้บริการ:
- S9: เชื่อม BER → Ostkreuz → Alexanderplatz → Zoologischer Garten
- S45: วิ่งไปทิศใต้/ตะวันตก เช่น Südkreuz
ระยะเวลาเดินทาง: 35–50 นาที (ขึ้นอยู่กับจุดหมาย)
ค่าโดยสาร: €4.50 (เขต ABC)
3. รถบัส (Bus)
มีบริการ JetExpressBus X7 และ X71 จากสนามบินไปยังสถานีรถไฟใต้ดิน Rudow (U7) ใช้เวลาเพียง 10 นาที แล้วต่อ U-Bahn ได้ เหมาะสำหรับผู้ที่พักใกล้ U-Bahn สาย U7 หรือเดินทางช่วงกลางคืน (รถบัสมีรอบตลอดคืน)
ค่าโดยสาร: €4.50 (เขต ABC)
4. แท็กซี่ / Ride Share (Uber, Bolt)
แท็กซี่มีจอดรอด้านหน้า Terminal 1 (ชั้นล่างสุด) Uber, Bolt ใช้จุดรับส่งที่กำหนดไว้
ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ: ไปย่าน Mitte, Alexanderplatz: €45–60
ใช้เวลาประมาณ 30–40 นาที ขึ้นกับเวลาเดินทาง
ข้อดี: สะดวกมากถ้ามีกระเป๋าหนัก หรือเดินทางเป็นกลุ่ม
การเดินทางในตัวเมือง
ใน Berlin จะแบ่งเป็นทั้งหมด 3 โซน ส่วนใหญ่เราจะอยู่ในโซน AB เป็นหลัก ส่วนสนามบิน Berlin อยู่ในโซน C เราสามารถซื้อตั๋วโซน AB, BC, หรือ ABC ขึ้นอยู่กับการเดินทางของเราว่าเริ่มจากจุดไหน ปลายทางที่ไหน แนะนำให้ใช้ Google Maps เพื่อวางแผนการเดินทาง
ชนิดของตั๋ว
- ตั๋วระยะสั้น ไม่เกิน 3 ป้าย (U-Bahn, S-Bahn) หรือไม่เกิน 6 ป้าย (รถเมล์, รถ tram) ในโซน AB ราคา €2.40 (มีระยะเวลาใช้ 20 นาที)
- ตั๋วเดี่ยว โซน AB 1 ใบ ราคา €3.50 ตั๋วเดี่ยวจะมีระยะเวลาการใช้ 2 ชั่วโมงต่อครั้ง สามารถนั่งรถเมล์ ขึ้นรถไฟ ต่อรถ tram กี่ครั้งก็ได้ถ้าอยู่ในช่วง 2 ชั่วโมง
- ตั๋วเดี่ยว โซน ABC 1 ใบ ราคา €4.40
- ตั๋วเดี่ยว โซน AB 4 ใบ ราคา €10.80 (ไม่ต้องใช้ให้หมดในวันเดียว)
- ตั๋ว 1-day สำหรับ 1 คน โซน AB ราคา €9.90 หมดอายุภายในเที่ยงคืนของวันที่ซื้อ
- ตั๋ว 1-day สำหรับ 5 คน โซน AB ราคา €31.00 (ต้องไปพร้อมกัน 5 คน เปลี่ยนคนได้ แต่ต้องมีผู้ถือตั๋วอยู่ในกลุ่ม ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง)
- นอกจากนี้ยังมี CityTourCard และ WelcomeCard ในแบบ 2, 3, 4, 5, 6 ซึ่งใช้ขึ้นระบบขนส่งสาธารณะได้ทั้งหมดและมีส่วนลดในการเข้าชมพิพิธภัณฑ์ต่างๆ สามารถซื้อได้ใน app BVG
U-Bahn คือรถไฟใต้ดิน (ซึ่งบางทีก็ขึ้นมาบนดิน) แต่ละสายจะขึ้นต้นด้วย U เช่น U1, U2,…
S-Bahn คือรถไฟลอยฟ้า แต่ละสายจะขึ้นต้นด้วย S เช่น S1, S2,…
Tram คือรถรางที่อยู่บนถนน แต่ละสายจะขึ้นต้นด้วย M เช่น M1, M2,…
Bus คือรถเมล์ ถ้าในช่วงกลางคืนที่รถไฟไม่วิ่งแล้ว จะมีรถเมล์รอบดึกที่ทำหน้าที่ขนส่งแทนรถไฟ โดยรถเมล์กลางคืนจะขึ้นต้นด้วย N และจะมีเลขที่ตรงกับสายรถไฟ เช่น N1 ไปตามเส้นทางของสถานีรถไฟสาย U1
Ferry เป็นเรือที่เดินทางไปมาในแม่น้ำ Spree ขึ้นต้นด้วย F เช่น F1, F2,…

การซื้อตั๋ว
แนะนำให้โหลด app ชื่อ BVG (ต้องสร้าง account) และซื้อตั๋ว digital ใน app ได้ด้วยบัตรเครดิต หรือถ้าไม่ต้องการโหลด app ก็สามารถซื้อตั๋วกระดาษได้ตามตู้ขายตั๋วทั่วไป
U-Bahn และ S-Bahn สามารถซื้อตั๋วได้ที่ตู้สีแดงหรือสีเหลืองบริเวณชานชาลา สามารถใช้เงินสด หรือบัตรเครดิตได้
การซื้อตั๋วรถ Tram ซื้อได้ที่ตู้สีเหลืองที่มักจะอยู่กลางขบวน ถ้าเป็นเครื่องรุ่นเก่า จะรับแต่เหรียญ เครื่องรุ่นใหม่จะรับบัตรเครดิตได้
ตั๋วที่ซื้อบนรถ Tram หรือรถเมล์ ก็ไม่ต้อง validate เพราะจะถูก validate ขณะซื้อโดยอัตโนมัติ
สำหรับตั๋ว U-Bahn, S-Bahn ที่เป็นตั๋วเดี่ยว ไม่ว่าจะเป็นตั๋วระยะสั้น (20 นาที) หรือตั๋วรายครั้ง (2 ชั่วโมง) จะต้องทำการ stamp เพื่อ valilade ก่อนใช้ทุกครั้ง เครื่องจะบันทึกเวลาเริ่มใช้ลงบนตั๋ว ถ้าขึ้นรถไฟไป แล้วมีเจ้าหน้าที่มาตรวจ พบว่าไม่ได้ validate จะถูกปรับ €60
สำหรับตั๋ว 1-Day ไม่ต้องทำการ validate เพราะนั่งเท่าไหร่ก็ได้ใน 1 วัน
ตั๋วโดยสารสำหรับนักวิ่ง
นักวิ่ง BMW BERLIN-MARATHON ทุกคนจะได้รับตั๋ว Zone ABC 4 วัน ส่งให้ทางอีเมลไม่เกินวันที่ 12 กันยายน 2025 ใช้ระบบขนส่งสาธารณะได้หมดทุกรูปแบบ โดยไม่ต้อง validate ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน จนถึงตีสามของวันจันทร์ที่ 22 กันยายน ดังนั้นถ้าจะเดินทางกลับสนามบินในวันจันทร์จะต้องซื้อตั๋วเดี๋ยว ABC เองแยกต่างหาก
ตั๋วนี้จะเป็นตั๋วเฉพาะนักวิ่งตามชื่อที่ระบุเท่านั้น พนักงานตรวจตั๋วมีสิทธิ์สแกน QR Code และขอดูพาสปอร์ต หากชื่อไม่ตรง อาจจะโดนค่าปรับได้
Marathon Expo
สถานที่รับบิบ
Messe Berlin
Messedamm 22, 14055 Berlin
พิกัด: https://maps.app.goo.gl/wzSrQyJ3gw7WgtcYA
นักวิ่งสามารถรับบิบได้ในช่วงเวลาต่อไปนี้
วันพฤหัสบดี 18 กันยายน • 15:00-20:00 น.
วันศุกร์ 19 กันยายน • 11:00-20:00 น.
วันเสาร์ 20 กันยายน • 9:00-19:00 น.
* นักวิ่งจะได้รับ “Start Card” ซึ่งทาง Berlin Marathon จะส่งให้ทางอีเมล ประมาณวันที่ 4 กันยายน 2025 นักวิ่งต้องใช้ Start Card นี้เพื่อรับบิบ
* เตรียมหนังสือเดินทางเพื่อใช้ในการยืนยันตัวตนรับบิบด้วย
นักวิ่งที่สั่งซื้อสินค้า Official Merchandise อาทิเช่น เสื้อ jacket เสื้อ finisher สามารถรับสินค้าได้พร้อมกับการรับบิบที่งาน Marathon Expo
ผู้ที่ซื้อสินค้าในงาน Marathon Expo เกิน €100 สามารถทำเรื่อง tax refund ได้ที่เค้าน์เตอร์ tax refund ในงาน Marathon Expo
Race Day
วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน 2025
นักวิ่งควรเดินทางถึงบริเวณจุดปล่อยตัวประมาณ 8:00 น. เป็นอย่างช้า ปล่อยตัว wave 1 เวลา 9:15 น.
จุดปล่อยตัวอยู่บริเวณ Straße des 17
พิกัด: https://goo.gl/maps/FfN2H7hb9M2Z4mv1A
การเดินทางที่สะดวกที่สุด ใช้ U-Bahn หรือ S-Bahn (นักวิ่งที่ติดบิบนั่งฟรีตลอดวัน)
- นั่ง U6 มาลงที่ป้าย Friedrichstraße
- นั่ง U2 มาลงที่ป้าย Potsdamer Platz
- นั่ง S5, S7, S75, S9 มาลงที่ป้าย Hauptbahnhof
- นั่ง S1, S2, S25 มาลงที่ป้าย Potsdamer Platz
- นั่ง S1, S2, S25, S5, S7, S75, S9 มาลงที่ป้าย Friedrichstraße
Cut Off (Chip Time) 6:15 ชั่วโมง
งานนี้มี cut off อยู่ที่ 6:15 ชม. (chip time) หากมาถึงเส้นชัยด้วยเวลา chip time เกิน 6:15 ชม. อาจจะไม่มีชื่ออยู่ใน official results ซึ่งส่งผลต่อการเก็บดาวของ Six Star Finisher Program
นอกจากนี้ยังมี cut off ตามระยะ อีก 2 จุดบนเส้นทางวิ่ง
Cut-Off Point at KM 33 เวลา 15:50 น.
Cut-Off Point at KM 38 เวลา 16:35 น.
จุดบริการน้ำดื่มและเครื่องดื่มเกลือแร่จะเริ่มจากกิโลเมตรที่ 5 และทุกๆ ประมาณ 3-4 km หลังจากนั้น
สถานที่เที่ยวแนะนำ
Reichstag Building
แนะนำให้ลงทะเบียนเพื่อเข้าชมและถ่ายรูปยามเย็นหรือยามค่ำคืน ตึก Reichstag สร้างขึ้นด้วยศิลปะแบบ Italian-Renaissance ในช่วงปี 1884-1894 ได้รับการบูรณะใหม่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยสถาปนิกชื่อดังชาวอังกฤษ Sir Norman Foster โดยสร้างโดมแก้วครอบไว้ด้านบน เปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้เข้าชม มองเห็นจากด้านบนลงไปยังห้องประชุมรัฐสภาข้างล่าง เพื่อต้องการบอกเป็นนัยว่าทุกอย่างต้องโปร่งใส ให้ประชาชนผู้อยู่เบื้องบนสุดได้มองเห็นและตรวจสอบการทำงานของผู้แทนได้ เพราะผู้แทนเป็นผู้ที่เข้าไปทำงานแทนประชาชน
การลงทะเบียน ทำได้ครั้งละ 4 ท่าน คลิกที่นี่ เพื่อลงทะเบียนเลือกวันเวลาเข้าชมฟรี
East Side Gallery
ศิลปะริมกำแพงกลางแจ้งขนาดใหญ่ที่ใช้กำแพงเบอร์ลินเป็นสถานที่จัดแสดงความยาวประมาณ 1.3 กิโลเมตร เป็นภาพที่ถูกวาดลงบนกำแพง ด้วยฝีมือ ความรู้สึก อารมณ์ที่ถูกถ่ายทอดโดยศิลปินจำนวนมาก มีภาพชื่อดังคือ “The Mortal Kiss”
Checkpoint Charlie
ด่านตรวจผ่านแดนในอดีตที่แบ่งเยอรมันออกเป็น 2 ฝั่ง คือ เยอรมันตกวันตก (เสรีประชาธิปไตย) และเยอรมันตะวันออก (คอมมิวนิสต์)
Berlin Wall Memorial
ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเบอร์ลิน น่าจะเป็นไฮไลท์ที่สุดของการมาที่นี่ เพราะเคยเป็นที่ตั้งของกำเเพงสูงใหญ่ สิ่งก่อสร้างที่เเบ่งเเยกประเทศเป็นฝั่งตะวันตกเเละฝั่งตะวันออกออก ก่อนที่จะถูกทำลายลงในปี ค.ศ.1989
Berlin Cathedral
มหาวิหารเบอร์ลินของนิกายโปรแตสแตนต์ เก่าแก่กว่า 500 ปี เป็นสถาปัตยกรรมผสมระหว่างบาร็อคเเละเรอเนสซองซ์ สามารถขึ้นไปชมทิวทัศน์ของกรุงเบอร์ลินได้ (บันไดไป 270 ขั้น) สามารถมองเห็นกรุงเบอร์ลินในมุมกว้าง (ค่าเข้าชม €10)
Memorial to the Murdered Jews of Europe
อยู่ไม่ไกลจาก Brandenburg Gate อนุสรณ์สถานนี้ สร้างขึ้นเพื่อเตือนความจำของความโหดร้ายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว เป็นคอนกรีต 2711 แผ่นในลานกว้าง มีมุมถ่ายรูปสวย (ห้ามปีนหรือยืนบนแผ่นคอนกรีต)


