nyc marathon preparation

ข้อมูลการเตรียมตัวนักวิ่ง TCS New York City Marathon 2025

ขอแสดงความยินดีกับนักวิ่งที่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน TCS New York City Marathon 2025 งานมาราธอนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก มีจำนวน finishers มากกว่า 5 หมื่นคน และคาดว่ามีกองเชียร์ตลอดสองข้างทางรวมกันมากถึง 1 ล้านคน ทำให้หนึ่งใน Abbott World Marathon Majors ในเมืองที่ไม่เคยหลับไหลนี้ เป็นสนามที่นักวิ่งจากทั่วโลกต่างมุ่งหน้ามาเพื่อสัมผัสบรรยากาศอันน่าจดจำ

LET’S RUN THE WORLD เป็น Official Tour Operator ของ TCS New York City Marathon ได้รับสิทธิ์การขายแพ็คเกจอย่างถูกต้องในประเทศไทย

ข้อมูลทั่วไป

สกุลเงิน

ใช้สกุลเงินดอลล่าร์ (USD) อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ประมาณ $1 = 32-33 บาท

ร้านค้าและร้านอาหารส่วนใหญ่ (เกือบ 99%) รับบัตรเครดิต ได้อย่างสะดวก เพื่อความสะดวกและปลอดภัย ไม่จำเป็นต้องพกเงินสดจำนวนมาก

แนะนำให้ตรวจสอบกับธนาคารผู้ออกบัตรของล่วงหน้า เพื่อเปิดใช้บริการรูดบัตรในต่างประเทศและตรวจสอบอัตราค่าธรรมเนียมในการใช้จ่ายระหว่างประเทศเป็นเงินสกุล USD

type e

เครื่องใช้ไฟฟ้า

ปลั๊กไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกาจะเป็นไฟ 120 Volt ไม่สามารถนำเครื่องใช้ไฟฟ้าโวลต์สูงจากไทยไปใช้ได้ ยกเว้นอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าสมัยใหม่ที่รองรับการแปลงไฟอัตโนมัติ ปลั๊กเป็นแบบ Type A (2 ขาแบน) และ Type B (2 ขาแบน + 1 ขากลม)

สภาพอากาศ

ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ที่ New York City อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 5-15° เซลเซียส โอกาสเกิดฝนประมาณ 25% ลมค่อนข้างแรง ควรเตรียมเสื้อกันหนาว เสื้อกันลม เสื้อกันฝน และถุงมือวิ่งไปเผื่อด้วย ช่วงรอยต่อระหว่างฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว อากาศเปลี่ยนแปลงไปมา ต้องติดตามการพยากรณ์อากาศแบบวันต่อวัน ถ้าโชคดีอาจจะได้มีโอกาสเห็นใบไม้เปลี่ยนสีใน Central Park ซึ่งน่าจะเป็นช่วง peak พอดี

เวลา

ในเดือนพฤศจิกายน เวลาท้องถิ่นเมือง New York City ช้ากว่าเวลาประเทศไทย 11 ชั่วโมง และในคืนวันเสาร์ จะมีการปรับเวลาตาม Daylight Saving Time โดยจะทำให้วันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน มีเวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 12 ชั่วโมง

เครื่องใช้ไฟฟ้า

ไฟฟ้าที่สหรัฐอเมริกาเป็นไฟ 120 Volt ไม่สามารถนำเครื่องใช้ไฟฟ้าโวลต์สูงจากไทยไปใช้ได้ปลั๊กไฟฟ้าเป็นแบบ Type A และ Type B

VAT หรือภาษี

ราคาสินค้า อาหาร หรือบริการที่ติดป้ายไว้ จะเป็นราคาที่ยังไม่รวมภาษี ในเมือง New York City อีก 8.875%

เสื้อผ้าที่ราคาต่ำกว่า $110 จะไม่มี VAT ส่วนเสื้อผ้าที่ราคาสูงกว่า $110 จะมี VAT ของ New York City ที่ 4.5% รวมกับ State Sales Tax อีก 4% รวมเป็น VAT 8.5%

TIPS การให้ทิป

เป็นธรรมเนียมของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เราต้องให้ “ทิป” กับคนที่ทำงานบริการ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหาร ช่างตัดผม บาร์เทนเดอร์ คนขับแท้กซี่ คนยกกระเป๋าในโรงแรม เนื่องจากอาชีพเหล่านี้ ได้รายได้ต่อชั่วโมง ต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำตามกฎหมายแรงงาน ซึ่งกรมแรงงานก็ได้ระบุอาชีพเหล่านี้เป็น tips earner

การให้ทิป เป็นธรรมเนียมแบบอเมริกันเพื่อกระตุ้นให้พนักงานบริการลูกค้าอย่างดีที่สุด โดยหวังให้ลูกค้า “ทิป” เพื่อเป็นรางวัล

ตัวอย่างการให้ทิป

  • พนักงานเสิร์ฟในร้านอาหาร 15-20% ของราคาอาหารที่ยังไม่รวมภาษี
  • คนขับแท้กซี่ 10%
  • บาร์เทนเดอร์ $1 ต่อ 1 drink
  • คนยกกระเป๋าในโรงแรม $1 ต่อกระเป๋า 1 ใบ

US Visa

ในการขอวีซ่าชั่วคราว B-1/B-2 ผู้ยื่นขอวีซ่าต้องทำให้เจ้าหน้าที่กงสุลเห็นว่า มีคุณสมบัติสมควรได้รับวีซ่าอเมริกา ตามบทบัญญัติในกฏหมายตรวจคนเข้าเมืองและพลเมืองของอเมริกา ดังนั้น เพื่อให้วีซ่าอเมริกาผ่านการอนุมัติ ผู้ขอวีซ่าต้องหักล้างข้อสมมุติฐานที่จะคิดว่าเราจะย้ายถิ่นฐานไปตั้งรกรากอย่างถาวร โดยแสดงหลักฐานให้เห็นได้ว่า:

  • วัตถุประสงค์การไปอเมริกา เป็นแบบชั่วคราว เช่น ไปติดต่อธุรกิจ ท่องเที่ยว หรือรับบริการทางการแพทย์
  • มีแผนการไปพำนักอาศัยในอเมริกาเป็นการชั่วคราว และช่วงระยะเวลาพำนักอาศัยมีกำหนดการที่ชัดเจน
  • แสดงหลักฐานการเงินที่เพียงพอ ครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในระหว่างพำนักอาศัยในสหรัฐอเมริกา
  • ผู้ยื่นขอวีซ่าอเมริกามีถิ่นพำนักถาวรเป็นหลักแหล่งนอกประเทศสหรัฐอเมริกา มีความผูกพันทางด้านสังคมและเศรษฐกิจอย่างแข็งแรงกับประเทศที่พำนักอาศัยหรือประเทศบ้านเกิดเมืองนอน เพื่อเป็นหลักประกันว่า ความผูกพันนี้จะดึงดูดให้ผู้ขอวีซ่าเดินทางกลับออกไปเมื่อสิ้นสุดภาระกิจในอเมริกา
  • นอกเหนือจากนี้ กฏหมายตรวจคนเข้าเมืองยังมีข้อกำหนดไว้ว่า ชาวต่างชาติบางคนอาจมีคุณสมบัติที่ไม่สามารถยื่นขอวีซ่าได้เช่น เป็นโรคติดต่อหรือมีโรคร้ายแรง มีประวัติอาชญากรรม เป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อความมั่นคง ฝ่าฝืนกฏหมาย หรือลักลอบเข้าเมือง เป็นต้น

อายุของวีซ่าจะต้อง valid ครอบคลุมทั้งขาเข้าและขาออกจากสหรัฐอเมริกา หนังสือเดินทางจะต้องมีหน้าว่างเปล่าสำหรับประทับตราอย่างน้อย 2 หน้า และมีอายุเหลือ 6 เดือนเป็นอย่างต่ำ

เที่ยวบินจากไทยไป New York City

มีสนามบินใหญ่ทั้งหมด 3 สนามบิน คือ JFK, LGA, EWR ปัจจุบันไม่มีไฟลท์ตรง BKK→NYC ต้องต่อเครื่อง 1 ครั้งขึ้นไป หากสะสมไมล์ ให้พิจารณาพันธมิตรสายการบินก่อนตัดสินใจ (oneworld / SkyTeam / Star Alliance).

สายการบิน (Hub) เส้นทางตัวอย่าง เวลาบินรวม (โดยประมาณ) Layover ประมาณ ราคาประมาณ (RT, Economy) หมายเหตุ
Qatar Airways (DOH) BKK–DOH–JFK 20–24 ชั่วโมง 2–4 ชม. ที่ DOH ≈ 28,000–45,000 THB  
Emirates (DXB) BKK–DXB–JFK 20–26 ชั่วโมง 2–5 ชม. ที่ DXB ≈ 30,000–50,000 THB  
Japan Airlines / ANA (NRT/HND) BKK–NRT–JFK / BKK–HND–JFK 18–22 ชั่วโมง 2–4 ชม. ที่ Tokyo ≈ 28,000–48,000 THB เวลาเดินทางรวมสั้นกว่าทางตะวันออกกลาง บริการดี
Korean Air (ICN) BKK–ICN–JFK 19–23 ชั่วโมง 2–4 ชม. ที่ ICN ≈ 30,000–45,000 THB  
EVA Air / China Airlines (TPE) BKK–TPE–JFK 20–24 ชั่วโมง 2–4 ชม. ที่ TPE ≈ 32,000–55,000 THB  
Singapore Airlines (SIN) BKK–SIN–JFK 19–24 ชั่วโมง 2–5 ชม. ที่ SIN ≈ 35,000–60,000 THB การบริการระดับพรีเมียม ตัวเลือกที่น่าสนใจถ้าต้องการสะดวก/บริการเหนือระดับ
Lufthansa / Swiss / KLM / SAS (FRA/ZRH/AMS) BKK–FRA–EWR/JFK 20–28 ชั่วโมง 2–6 ชม. ที่ยุโรป ≈ 33,000–60,000 THB เหมาะถ้าต้องการแวะยุโรปสั้น ๆ หรือสะสมไมล์ Star Alliance

 

การเตรียมตัวก่อนเดินทาง

เพื่อให้ทริปราบรื่น ไม่มีสะดุด และพร้อมสำหรับวันแข่งอย่างเต็มที่ อย่าลืมเตรียมสิ่งเหล่านี้ให้ครบก่อนออกเดินทาง

  1. จัดอุปกรณ์ที่จะใช้ในวันแข่งลง Carry On
    อุปกรณ์วันแข่งห้ามโหลดใต้เครื่อง รองเท้า เสื้อผ้าวิ่ง หรืออุปกรณ์ที่จำเป็นในวันแข่ง ควรเก็บไว้ใน carry-on หรือเป้ติดตัวขึ้นเครื่อง เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น กระเป๋าหาย หรือมาถึงล่าช้า
  2. เตรียมเอกสารการเดินทาง ประกันเดินทาง
    เตรียมหนังสือเดินทางให้พร้อม ให้แน่ใจว่ามีอายุเหลืออย่างน้อย 6 เดือนทั้งขาไปและขากลับ ตรวจสอบชื่อนามสกุลตัวสะกดบนวีซ่าให้แน่ใจอีกครั้ง นอกจากนี้ ยังมีเอกสารอื่นๆ เช่น วัคซีน ประกันเดินทาง ฯลฯ ซึ่งนอกจากจะถ่ายรูปเก็บไว้ในมือถือแล้ว ยังแนะนำให้ถ่ายเอกสารเก็บไว้เป็นกระดาษสำรองไว้ (เผื่อมือถือหายจะได้ยังมีข้อมูล)
  3. เตรียมข้อมูลสำหรับการตรวจคนเข้าเมือง
    เตรียมข้อมูลที่พัก ตั๋วเครื่องบินขากลับ เพราะ ตม. อาจสุ่มตรวจสอบถามข้อมูล เช็คให้แน่ใจว่าวันที่บินกลับ ยังอยู่ในช่วงที่วีซ่ามีอายุอยู่
  4. แลกเงิน เตรียมบัตรเครดิต หรือ Travel Card
    ส่วนใหญ่ร้านค้า ร้านอาหาร จะเป็นระบบ cashless เกือบหมด สามารถจ่ายเงินด้วยบัตรที่มีสัญลักษณ์ touchless นอกจากนี้ แนะนำให้แลกเงินสดไว้บ้าง (แบงค์ย่อยเล็กๆ) เผื่อฉุกเฉิน ไม่แนะนำให้พกเงินสดจำนวนเยอะๆ
  5. เตรียมอุปกรณ์ First Aid ยาประจำตัว วิตามิน อาหารเสริม
    เนื่องจากยาหลายชนิด โดยเฉพาะที่ไม่ใช่ยาสามัญทั่วไป จะต้องใช้ใบสั่งแพทย์ (prescription) ในการซื้อ ควรพกไปให้ครบตั้งแต่ต้นทาง และควรเป็นยาที่มีฉลากชัดเจน
  6. รีวิวแผนการเดินทาง 
    นำแผนการเดินทางมารีวิวดูอีกที พักที่ไหน เอา address มา save ไว้ใน Google Maps ให้พร้อมโหลด maps เป็นแบบ offline เผื่อไว้ก็ดี ส่วนตัวจะใช้ app ชื่อ TripIt เป็น app ที่มีประโยชน์มากๆ จัดเรียงข้อมูลทุกอย่างแบบ offline ไว้ในมือถือ ค้นหาสะดวกมาก
  7. ถ่ายรูปกระเป๋าที่โหลด
    หากกระเป๋าเสียหายจะได้มีหลักฐานสภาพกระเป๋าก่อนเสียหาย หรือถ้ากระเป๋าล่าช้า/หาย จะเป็นประโยชน์ต่อสายการบินในการค้นหากระเป๋าได้เร็วขึ้น

เมื่อเดินทางถึงสนามบิน JFK

สิ่งที่ต้องเตรียม

เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองอาจจะมีการสอบถามจุดประสงค์ของการเดินทาง เช่น มาทำอะไร มากี่วัน พักที่ไหน ควรเตรียมข้อมูลให้เรียบร้อย

  • หนังสือเดินทาง
  • ข้อมูลที่พัก (ชื่อและที่อยู่โรงแรม)
  • ข้อมูลตั๋วเครื่องบินขากลับ
  • ข้อมูลหลักฐานการตอบรับจากงานวิ่ง

หลังจากผ่านการตรวจคนเข้าเมือง ไปที่สายพานเพื่อรับกระเป๋า แล้วเดินผ่านศุลกากร (เจ้าหน้าที่อาจจะมีการสุ่มขอตรวจกระเป๋า)

สิ่งต้องห้ามนำเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา

  • ผัก ผลไม้ เมล็ดพืช
  • เนื้อสัตว์ รวมถึงเนื้อสัตว์แปรรูป เช่น หมูหยอง หมูฝอย

การเดินทางเข้าเมือง

หากมีกระเป๋าสัมภาระ การเดินทางจากสนามบินเข้ามาในตัวเมืองที่สะดวกที่สุดน่าจะเป็น taxi โดยราคา taxi จากสนามบิน JFK เข้าตัวเมือง Manhattan จะเป็น flat rate ที่ $75

หรือจะเรียก Uber/Lyft ก็ได้ (ต้องเดินมาที่จุดนัดพบแต่ละ terminal) แนะนำให้ผูกบัตรเครดิตหรือ Travel Card ให้เสร็จเรียบร้อยก่อนออกเดินทาง (อาจมี OTP สำหรับการผูกบัตรครั้งแรก)

หากต้องการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ สามารถนั่ง AirTrain จากสนามบิน JFK มาลงที่ Jamaica Station แล้วนั่งรถไฟ MTA เข้าเมือง รายละเอียดในการต่อรถไฟ จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับช่วงเวลา ดูรายละเอียดใน Google Maps

ระบบขนส่งสาธารณะในตัวเมือง New York City

ระบบขนส่งสาธารณะคือ MTA ประกอบไปด้วยรถไฟใต้ดินและรถเมล์ ค่าโดยสารครั้งละ $2.90 สามารถใช้บัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตที่มีสัญลักษณ์ contactless เพื่อแตะเข้า ถ้าใช้บัตรเดิมแตะครบ 12 ครั้งในรอบ 7 วัน หลังจากนั้นจะนั่งฟรี (ราคาเท่ากับ 7-day unlimited pass $34.00)

Marathon Expo

จัดที่ Javits Center
พิกัด: https://maps.app.goo.gl/SecwYkAN33gH3aKMA

  • พฤหัสบดี 30 ตุลาคม เวลา 10:00 – 20:00 น.
  • ศุกร์ 1 พฤศจิกายน เวลา 10:00 – 20:00 น.
  • เสาร์ 2 พฤศจิกายน เวลา 09:00 – 17:00 น.

นักวิ่งต้องเลือก time slot ในการรับบิบมาก่อน เพื่อความรวดเร็ว หากไปรับบิบนอกเวลา time slot ที่เลือกไว้ อาจะเกิดความล่าช้าได้

นักวิ่งจะต้องแสดง QR Code พร้อมกับพาสปอร์ตยืนยันตัวตนเพื่อรับบิบ ไม่อนุญาตให้รับบิบแทน นอกจากนี้จะได้รับเสื้อวิ่งแขนยาว New Balance Shirt 1 ตัว ถ้าไม่พอดี สามารถเปลี่ยนไซส์ได้ที่บูธเปลี่ยนไซส์

นักวิ่งที่สมัคร Abbott Dash to the Finish Line 5K สามารถรับบิบได้ที่บูธ 5K

expo

การเตรียมตัวสำหรับวันแข่งขัน

  • รับประทานอาหารที่ให้พลังงานเพียงพอ โดยเฉพาะพลังงานจากคาร์โบไฮเดรต
  • พักผ่อน นอนหลับให้เต็มที่และเพียงพอ
  • หากต้องการรับประทานอาหารเช้า เผื่อเวลาให้อาหารย่อยก่อนเวลาแข่งขันอย่างน้อย 2 ชั่วโมง
  • นำอุปกรณ์ที่จะใช้สำหรับวันแข่งขันมาจัดวางเรียงไว้
  • เพื่อป้องกันการบาดเจ็บจากการเสียดสี ทาวาสลีนตามรอยต่อของตะเข็บผ้า ข้อพับ และจุดต่างๆ ที่อาจเกิดการเสียดสีเป็นเวลานานระหว่างวิ่ง
  • เตรียมชุดคลุม เสื้อกันหนาว ชุดกันฝน 

การแต่งกายสำหรับนักวิ่ง

New York City ในช่วงสัปดาห์การแข่งขัน อากาศหนาวเย็นมาก (5-15 องศา) โอกาสมีฝน 25% จึงแนะนำให้เตรียมเสื้อวิ่งแขนยาว กางเกงวิ่งขายาวไปด้วย เราจะมีโอกาสได้ลองวิ่ง morning run กันวันศุกร์ และบางท่านลงทะเบียนวิ่ง Abbott Dash to the Finish Line 5K วันเสาร์ น่าจะทำให้พอประมาณการณ์ได้ว่าควรแต่งตัวอย่างไรในวันวิ่งจริง

เนื่องจากอากาศหนาว แนะนำให้มีถุงมือแบบที่ไม่อุ้มน้ำ ไม่อมน้ำ (กรณีฝนตก)

มีข้อห้ามสำหรับนักวิ่ง ไม่ให้ถือ selfie stick, tripod ขณะวิ่ง นอกจากนี้ยังห้ามมี camera mount เช่น การติด GoPro บนหมวก เป็นต้น

RACE DAY

จุดปล่อยตัว อยู่บริเวณสะพาน Verrazano ทางฝั่ง Staten Island โดยนักวิ่งเดินจะต้องเดินทางตามวิธีที่และรอบเลือกไว้ (Shuttle Bus หรือ Ferry) 

เส้นชัย อยู่ใน Central Park

Cut Off: เวลา 22:00 น. 

จะมีป้ายบอกระยะทางทุกๆ 1 ไมล์ และทุกๆ 5 กิโลเมตร

จุดบริการจะมีทุกๆ ประมาณ 2-2.5 กิโลเมตร ประกอบด้วยปฐมพยาบาล ห้องน้ำ น้ำดื่ม และ เครื่องดื่มเกลือแร่