sydney marathon

ข้อมูลการเตรียมตัว TCS Sydney Marathon 2025

ขอแสดงความยินดีนักวิ่งที่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน TCS Sydney Marathon 2025 หนึ่งในงานวิ่งที่ยิ่งใหญ่และมีความหมายที่สุดของปี งานนี้ไม่เพียงเป็นมาราธอนที่จัดขึ้นในเมืองสวยติดอันดับโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นสนามที่ได้ก้าวขึ้นเป็น Abbott World Marathon Major ลำดับที่ 7

การเข้าร่วมครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การวิ่งระยะทาง 42.195 กิโลเมตร แต่เป็นการมีส่วนร่วมในหน้าประวัติศาสตร์ของวงการวิ่ง

ปีนี้เป็นปีแรกที่ทาง Sydney Marathon ปิดระบบการลงทะเบียนเนื่องจากขายหมดตั้งแต่เดือนเมษายน นักวิ่งที่สมัครไม่ทัน สามารถซื้อแพคเกจกับ Official Tour Operator ได้

LET’S RUN THE WORLD เป็น Official Tour Operator ที่ได้รับสิทธิ์การขายแพ็คเกจ TCS Sydney Marathon อย่างถูกต้องในประเทศไทย

ข้อมูลทั่วไป

สกุลเงิน

ประเทศออสเตรเลียใช้สกุลเงิน ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) โดยในช่วงเดือนกรกฎาคม 2025 อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ประมาณ 1 A$ = 21–22 บาท

ร้านค้าและร้านอาหารส่วนใหญ่ (เกือบ 99%) รับบัตรเครดิต ได้อย่างสะดวก แต่ยังมีบางร้านที่ ต้องการรับเงินสด และอาจมี ส่วนลดพิเศษสำหรับการชำระด้วยเงินสด เพื่อความสะดวกและปลอดภัย ไม่จำเป็นต้องพกเงินสดจำนวนมาก

แนะนำให้ตรวจสอบกับธนาคารผู้ออกบัตรของล่วงหน้า เพื่อเปิดใช้บริการรูดบัตรในต่างประเทศและตรวจสอบอัตราค่าธรรมเนียมในการใช้จ่ายระหว่างประเทศเป็นเงินสกุลออสเตรเลียนดอลล่าร์ A$ (AUD)

socket type i

เครื่องใช้ไฟฟ้า

ไฟฟ้าที่ออสเตรเลียเป็นกระแสไฟ 220-240 Volt เช่นเดียวกับประเทศไทย สามารถนำเครื่องใช้ไฟฟ้าไปใช้ได้ แต่ต้องเตรียม adapter ไปด้วย เนื่องจากปลั๊กเป็นแบบ Type I 3 ขาแบบเฉียง

สภาพอากาศ

ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม ที่ Sydney อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 10-20° เซลเซียส โอกาสเกิดฝนประมาณ 25% ควรเตรียมเสื้อกันหนาว และเสื้อกันฝนไปเผื่อด้วย

เวลา

เวลาท้องถิ่นของเมือง Sydney เร็วกว่าไทย 3 ชั่วโมง

วีซ่าออสเตรเลีย

วีซ่าท่องเที่ยวออสเตรเลียสำหรับคนไทย คือ วีซ่าประเภท Visitor visa (subclass 600) วีซ่านี้อนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศออสเตรเลียเพื่อการท่องเที่ยว การเยี่ยมญาติ หรือทำธุรกิจระยะสั้น รวมถึงการเข้าร่วมคอร์สเรียนระยะสั้น (ไม่เกิน 3 เดือน) โดยทั่วไปแล้ว วีซ่านี้มีอายุสูงสุด 10 ปี แต่การพำนักในแต่ละครั้งจะจำกัดอยู่ที่ 3 เดือน

เอกสารที่ต้องใช้ในการขอวีซ่า:

  • หนังสือเดินทาง:
    ต้องมีอายุใช้งานเหลืออย่างน้อย 6 เดือนก่อนวันเดินทาง และมีหน้าว่างสำหรับประทับตรา.
  • รูปถ่าย:
    รูปถ่ายสี ขนาด 2 นิ้ว จำนวน 1 รูป
  • สำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้าน
  • หลักฐานการเงิน:
    เช่น ใบเดินบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน หรือหนังสือรับรองทางการเงิน
  • หลักฐานการทำงาน:
    เช่น หนังสือรับรองการทำงาน หรือหนังสือจดทะเบียนธุรกิจ
  • แผนการเดินทาง:
    รายละเอียดตั้งแต่ออกเดินทางจากประเทศไทย จนถึงวันกลับ
  • เอกสารอื่นๆ:
    อาจรวมถึงเอกสารยืนยันการจองตั๋วเครื่องบินและที่พัก, เอกสารยืนยันความสัมพันธ์ เช่น ทะเบียนสมรส หรือใบหย่า, เอกสารการเปลี่ยนชื่อ, หรือเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์ของการเดินทาง นักวิ่งที่ซื้อแพ็คเกจจาก Official Tour Operator จะได้รับจดหมายยืนยันการเข้าร่วมการแข่งขันจาก TCS Sydney Marathon 2025
  • การตรวจสุขภาพ
    ผู้สมัครที่มีอายุมากกว่า 75 ปี อาจจะต้องตรวจสุขภาพ

ขั้นตอนการยื่นขอวีซ่า:

  1. ลงทะเบียน ImmiAccount:
    เข้าเว็บไซต์ของ Department of Home Affairs และสมัครบัญชี ImmiAccount.
  2. กรอกแบบฟอร์มออนไลน์:
    เลือกประเภทวีซ่า Visitor Visa 600 และกรอกข้อมูลส่วนตัวและรายละเอียดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง.
  3. เตรียมและอัปโหลดเอกสาร:
    สแกนและอัปโหลดเอกสารที่จำเป็นทั้งหมด.
  4. ชำระค่าธรรมเนียม:
    ชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าผ่านระบบออนไลน์ (A$195)
  5. Biometric:
    ไปทำ Biometric ที่ศูนย์ VFS นำหนังสือเดินทางและใบนัดหมายไปด้วย ทางศูนย์ VFS จะไม่เก็บหนังสือเดินทางไว้
  6. รอผลการพิจารณา:
    โดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 7-10 วันทำการ หากยื่นผ่านออนไลน์.
  7. รับ E-Visa:
    หากได้รับการอนุมัติ จะได้รับเป็น E-Visa ไม่มีตัววีซ่าแปะอยู่ในหนังสือเดินทาง

หมายเหตุ:

  • นักวิ่งที่ถือหนังสือเดินทางของประเทศอื่นที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องขอวีซ่า จะต้องทำการขอ ETA แนะนำให้ทำก่อนเดินทางประมาณ 7 วัน

เที่ยวบินจากไทยไป Sydney

สนามบินต้นทาง

  • สุวรรณภูมิ (BKK) — มีเที่ยวบินตรงทุกวัน
  • ดอนเมือง (DMK) — ส่วนใหญ่เป็นแบบต่อเครื่อง

สายการบินที่มีเที่ยวบินตรง

สายการบิน เวลาเดินทาง ประเภทที่นั่ง ราคาประมาณ (ไป–กลับ) หมายเหตุ
Thai Airways (TG) ~9 ชม. 30 นาที Economy 25,000–38,000 THB บริการดี มีอาหาร 2 มื้อ
Qantas Airways (QF)* ~9 ชม. 10 นาที Economy 22,000–30,000 THB สายการบินประจำชาติออสเตรเลีย
Jetstar (JQ) ~9 ชม. 10 นาที Low-cost 15,000–25,000 THB ไม่มีอาหาร/โหลดกระเป๋า ต้องซื้อเพิ่ม

หมายเหตุ:

  • Qantas จะมี codeshare กับ Emirates และ FinnAir บางครั้งอาจจะได้ราคาตั๋วที่ถูกกว่าเมื่อซื้อจากเว็บไซต์ของแต่ละสายการบิน แม้ว่าจะเป็นไฟลท์เดียวกัน
  • ถ้าชอบความสะดวกสบาย – แนะนำ Thai Airways หรือ Qantas
  • ถ้าประหยัด – Jetstar คุ้ม แต่ควรซื้อโหลดกระเป๋าและอาหารล่วงหน้า
  • แนะนำจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้า 2–4 เดือน จะได้ราคาดีที่สุด
  • Business Class ราคาไป-กลับ จะอยู่ที่ประมาณ 100,000 – 250,000 บาท

สายการบินแบบต้องต่อเครื่อง

ปกติแล้วราคาจะถูกกว่าเล็กน้อย เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่รีบ สามารถต่อเครื่องได้ เลือกมาให้แบบเฉพาะที่ใช้เวลาไม่ถึง 15 ชั่วโมง/เที่ยวบิน แต่บางครั้งราคา Business Class เริ่มต้นเพียง 80,000 บาท

สายการบิน แวะเปลี่ยนเครื่องที่ ราคาประมาณ
Scoot สิงคโปร์ (SIN) 10,000–18,000 THB
AirAsia X กัวลาลัมเปอร์ (KUL) 13,000–18,000 THB
Singapore Airlines สิงคโปร์ (SIN) 26,000–35,000 THB
Cathey Pacific ฮ่องกง (HGK) 20,000–32,000 THB
Malaysian Airlines กัวลาลัมเปอร์ (KUL) 21,000–30,000 THB
Vietnam Airlines ไซ่ง่อน (SGN) 22,000–28,000 THB

การเตรียมตัวก่อนเดินทาง

เพื่อให้ทริปราบรื่น ไม่มีสะดุด และพร้อมสำหรับวันแข่งอย่างเต็มที่ อย่าลืมเตรียมสิ่งเหล่านี้ให้ครบก่อนออกเดินทาง

  1. จัดอุปกรณ์ที่จะใช้ในวันแข่งลง Carry On
    อุปกรณ์วันแข่งห้ามโหลดใต้เครื่อง รองเท้า เสื้อผ้าวิ่ง หรืออุปกรณ์ที่จำเป็นในวันแข่ง ควรเก็บไว้ใน carry-on หรือเป้ติดตัวขึ้นเครื่อง เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น กระเป๋าหาย หรือมาถึงล่าช้า
  2. เตรียมเอกสารการเดินทาง ประกันเดินทาง
    เตรียมหนังสือเดินทางให้พร้อม ให้แน่ใจว่ามีอายุเหลืออย่างน้อย 6 เดือนทั้งขาไปและขากลับ ตรวจสอบชื่อนามสกุลตัวสะกดบนวีซ่าให้แน่ใจอีกครั้ง นอกจากนี้ ยังมีเอกสารอื่นๆ เช่น วัคซีน ประกันเดินทาง ฯลฯ ซึ่งนอกจากจะถ่ายรูปเก็บไว้ในมือถือแล้ว ยังแนะนำให้ถ่ายเอกสารเก็บไว้เป็นกระดาษสำรองไว้ (เผื่อมือถือหายจะได้ยังมีข้อมูล)
  3. แลกเงิน เตรียมบัตรเครดิต หรือ Travel Card
    ส่วนใหญ่ร้านค้า ร้านอาหาร จะเป็นระบบ cashless เกือบหมด สามารถจ่ายเงินด้วยบัตรที่มีสัญลักษณ์ touchless นอกจากนี้ แนะนำให้แลกเงินสดไว้บ้าง (แบงค์ย่อยเล็กๆ) เผื่อฉุกเฉิน ไม่แนะนำให้พกเงินสดจำนวนเยอะๆ
  4. เตรียมอุปกรณ์ First Aid ยาประจำตัว วิตามิน อาหารเสริม
    เนื่องจากยาหลายชนิด โดยเฉพาะที่ไม่ใช่ยาสามัญทั่วไป จะต้องใช้ใบสั่งแพทย์ (prescription) ในการซื้อ ควรพกไปให้ครบตั้งแต่ต้นทาง และควรเป็นยาที่มีฉลากชัดเจน
  5. ผู้ที่ใช้คอนแทคเลนส์ อย่าลืมเตรียมสำรอง
    เพราะการซื้อคอนแทคเลนส์จะต้องมีใบวัดสายตาโดยจักษุแพทย์ก่อน ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายและใช้เวลาหลายวัน หรือหากต้องสั่งออนไลน์ก็ใช้เวลาจัดส่งนาน
  6. รีวิวแผนการเดินทาง 
    นำแผนการเดินทางมารีวิวดูอีกที พักที่ไหน เอา address มา save ไว้ใน Google Maps ให้พร้อมโหลด maps เป็นแบบ offline เผื่อไว้ก็ดี ส่วนตัวจะใช้ app ชื่อ TripIt เป็น app ที่มีประโยชน์มากๆ จัดเรียงข้อมูลทุกอย่างแบบ offline ไว้ในมือถือ ค้นหาสะดวกมาก
  7. ถ่ายรูปกระเป๋าที่โหลด
    หากกระเป๋าเสียหายจะได้มีหลักฐานสภาพกระเป๋าก่อนเสียหาย หรือถ้ากระเป๋าล่าช้า/หาย จะเป็นประโยชน์ต่อสายการบินในการค้นหากระเป๋าได้เร็วขึ้น

เมื่อเดินทางถึงสนามบินซิดนีย์ (Sydney Kingsford Smith Airport – SYD)

เมื่อเดินทางจากประเทศไทยมาถึงสนามบินซิดนีย์ ควรเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อให้การผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง ศุลกากร และการเดินทางเข้าเมืองเป็นไปอย่างราบรื่น

บนเที่ยวบิน จะได้รับแจกบัตรโดยสารขาเข้าสีเหลือง ซึ่งบางสายการบิน​ (TG) อาจจะมีเวอร์ชั่นภาษาไทยให้ ให้เตรียมทำการกรอกข้อมูลให้เรียบร้อย

australian arrival card

เมื่อถึงสนามบิน จะมีขั้นตอนดังต่อไปนี้

1. ลงจากเครื่องบินและเดินเข้าสู่เขตผู้โดยสารขาเข้า

หลังจากลงเครื่องจะมีเจ้าหน้าที่นำทางเข้าสู่อาคารผู้โดยสารขาเข้า (International Arrivals – Terminal 1) ซึ่งจะเข้าสู่กระบวนการตรวจคนเข้าเมืองเป็นขั้นตอนแรก

sydney arrival

2. ตรวจคนเข้าเมือง (Immigration)

จุดตรวจอยู่ที่: ชั้นล่างของอาคาร Terminal 1

เอกสารที่ต้องเตรียม:

  • หนังสือเดินทางที่มีอายุเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน
  • วีซ่า หรือ ETA ที่ได้รับการอนุมัติแล้ว (ไม่จำเป็นต้องพิมพ์ออกมา แต่ควรเช็กสถานะให้แน่ชัด)
  • หลักฐานแสดงที่พักในออสเตรเลีย และเที่ยวบินขาออกจากประเทศ (หากเจ้าหน้าที่สอบถาม)

ขั้นตอน:
ตรงไปที่เครื่อง Kiosk แล้วเปิดหน้าหนังสือเดินทาง เสียบเข้าไปในเครื่อง เครื่องจะพิมพ์สลิปออกมา ให้หยิบสลิปติดตัวมาด้วย จากนั้นตรงไปที่ช่อง SmartGate เพื่อสแกนใบหน้าและเข้าประเทศได้เลย

กรณีที่อายุต่ำกว่า 16 ปี จะต้องไปต่อแถวผ่านตรวจคนเข้าเมืองกับเจ้าหน้าที่ หรือผู้ใช้ SmartGate บางรายอาจจะโดนสุ่ม เจ้าหน้าที่อาจสอบถามวัตถุประสงค์ในการเดินทาง เช่น มาเที่ยวกี่วัน พักที่ใด

ระยะเวลาที่ใช้:
หากใช้ SmartGate: ประมาณ 10–15 นาที

หากต้องต่อคิวและถูกสัมภาษณ์: 30–60 นาที โดยเฉพาะในช่วงเวลาเครื่องบินลงจำนวนมาก (เช้า 6:00–9:00 น. และช่วงเที่ยงถึงบ่าย)

คำแนะนำ: เตรียมเอกสารให้หยิบง่าย ตอบคำถามสั้น กระชับ และตรงไปตรงมา

kiosk slip

3. รับกระเป๋า (Baggage Claim)

หลังผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ให้เดินไปยังสายพานรับกระเป๋าตามหมายเลขเที่ยวบินที่แสดงบนจอ รถเข็นกระเป๋ามีให้บริการฟรี

ระยะเวลาที่ใช้: โดยเฉลี่ย 15–30 นาที (ขึ้นอยู่กับสายการบินและจำนวนผู้โดยสาร)

4. ผ่านด่านศุลกากรและด่านควบคุมชีวอนามัย (Customs & Biosecurity)

ออสเตรเลียมีมาตรการควบคุมการนำเข้าอาหาร พืช สัตว์ และของใช้จากต่างประเทศอย่างเข้มงวด ผู้โดยสารต้องกรอกแบบฟอร์ม “Incoming Passenger Card” (แจกบนเครื่อง) และตอบตามความจริง

สิ่งของที่ห้ามนำเข้าโดยเด็ดขาด:

  • อาหารสด เช่น ผลไม้ เนื้อสัตว์
  • เมล็ดพืช ดิน พืชแห้ง สมุนไพร
  • สินค้าที่ไม่ได้อยู่ในบรรจุภัณฑ์จากโรงงาน

คำแนะนำ: อย่าให้ข้อมูลเท็จ และอย่านำของต้องห้ามเข้าประเทศโดยเด็ดขาด เนื่องจากมีบทลงโทษสูง หากไม่แน่ใจ ควรระบุ “มีสิ่งของต้องสำแดง” (ติ๊ก Yes) แล้วให้เจ้าหน้าที่ตรวจ

5. เดินทางออกจากสนามบินเข้าสู่เมือง

หลังจากผ่านศุลกากร จะเข้าสู่โถงผู้โดยสารขาเข้า (Arrival Hall) และสามารถเลือกวิธีเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองซิดนีย์ได้หลายวิธี

การเดินทางเข้าเมือง

  1. รถไฟ Airport Link: เป็นวิธีที่สะดวกและรวดเร็วที่สุด ใช้เวลาประมาณ 13–15 นาที สามารถลงที่ป้าย Central แล้วเปลี่ยนขบวนเป็นรถไฟไปยังจุดต่างๆ ของเมือง หรือจะตรงยาวมาที่ Circular Quay ย่านท่องเที่ยวหน้า Sydney Harbour เลยก็ได้ ค่าโดยสารประมาณ A$18 ต่อเที่ยว รถไฟออกทุกๆ 10-15 นาที สามารถใช้บัตรเครดิตแตะได้เลย ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://airportlink.com.au/
  2. แท็กซี่ / บริการเรียกรถ (Uber, Ola): ใช้เวลาประมาณ 25–35 นาที ค่าบริการประมาณ A$45–60
  3. รถ Shuttle Bus: เหมาะกับผู้ที่พักโรงแรม ค่าโดยสารประมาณ A$22–25 ควรจองกับโรงแรมล่วงหน้า
  4. จอง Airport Taxi (Limo) – ประมาณ 1,200 – 1,500 บาทต่อคัน
Sydney Airport Link

นักวิ่งที่ซื้อแพ็คเกจกับ LET’S RUN THE WORLD สามารถนั่ง Airport Link มาลงที่ Central Station ได้ โรงแรม Mercure Sydney อยู่ติดกับ Central Station เลย

การเดินทางในตัวเมือง

ระบบขนส่งสาธารณะในซิดนีย์ (Sydney Public Transport) ดำเนินการโดย Transport for NSW ประกอบด้วย:

  • รถไฟ (Sydney Trains): เชื่อมเมืองชั้นใน-ชั้นนอก ครอบคลุมกว้าง
  • รถใต้ดิน (Sydney Metro): ถ้าไปโซนใหม่ทางเหนือ เช่น Macquarie, Tallawong ใช้ Sydney Metro
  • รถบัส (Buses): วิ่งทั่วทั้งเมืองและชานเมือง
  • รถราง (Light Rail): วิ่งจาก Central Station ไปยังเขต Darling Harbour, Chinatown และ Randwick
  • เรือเฟอร์รี (Ferries): วิ่งตามอ่าว เช่น Circular Quay – Manly, Watsons Bay

วิธีจ่ายค่าบริการ

1. ใช้บัตร Opal Card

บัตรเติมเงินที่ใช้ได้กับทุกระบบขนส่งข้างต้น ใช้ได้ทั้ง รถไฟ, รถบัส, รถราง, เรือ ไม่มีค่าบัตร ซื้อแล้วเติมเงินได้ทันที เติมเงินขั้นต่ำครั้งละ 10–20 AUD ได้ที่ร้านสะดวกซื้อ (เช่น 7-Eleven) หรือเครื่องเติมเงินในสถานี

เหมาะสำหรับ: นักเดินทางที่อยู่หลายวัน หรือวางแผนใช้ขนส่งหลายครั้ง

สิทธิประโยชน์ของระบบ Opal

  • Weekday Cap (ค่าโดยสารสูงสุดต่อวัน): ไม่เกิน $19.30/วัน สำหรับผู้ใหญ่
  • Weekend Cap: ไม่เกิน $9.65 สำหรับทั้งวันในวันศุกร์, เสาร์, อาทิตย์ (นิยมใช้เที่ยวไกล เช่น ขึ้นเรือไป Manly)
  • Weekly Cap: ไม่เกิน $50/สัปดาห์ (จันทร์–อาทิตย์)

2. แตะด้วยบัตรเครดิต/เดบิตแบบ Contactless

ไม่จำเป็นต้องมี Opal Card สามารถใช้ บัตรเครดิตหรือเดบิตที่มีสัญลักษณ์ Contactless (เช่น Visa, Mastercard, American Express) แตะตรงเครื่องอ่านที่ประตูได้เลย หรือแตะด้วย สมาร์ทโฟน / สมาร์ทวอทช์ ที่มี Apple Pay หรือ Google Pay

opalข้อดี:

  • สะดวก ไม่ต้องซื้อบัตร Opal
  • อัตราค่าโดยสารเดียวกับ Opal
  • เหมาะกับคนที่ใช้ขนส่งแค่ไม่กี่ครั้ง

ข้อควรระวัง:

  • ต้องแตะเข้า (tap on) และแตะออก (tap off) ทุกครั้ง
  • ถ้าแตะคนละบัตรตอนเข้า-ออก จะถูกคิดค่าโดยสารสูงสุด

การแตะเข้า-ออก (Tap on / Tap off)

  • สำหรับ รถไฟ, Light Rail, เรือเฟอร์รี: ต้องแตะเข้าและแตะออก เพื่อคิดราคาตามระยะทาง
  • สำหรับ รถบัส: แตะเข้าอย่างเดียว (ไม่ต้องแตะออก)

ข้อควรรู้เมื่อมาถึง Sydney

1. แดดแรงและรังสี UV สูงมาก
ออสเตรเลียมีระดับรังสี UV สูงกว่าหลายประเทศ แม้ในวันที่ฟ้าครึ้มก็ตาม

  •  ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50+
  • สวมหมวกปีกกว้างและแว่นกันแดดเมื่ออยู่นอกอาคาร
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงเที่ยงถึงบ่ายหากเป็นไปได้

2. ห้ามสูบบุหรี่ในพื้นที่สาธารณะหลายแห่ง
กฎหมายออสเตรเลียห้ามสูบบุหรี่ในหลายพื้นที่ เช่น ป้ายรถเมล์ สถานีรถไฟ ริมชายหาด ถนนคนเดิน (ในบางเมือง) ควรสังเกตป้ายเตือนและหลีกเลี่ยงการฝ่าฝืน เพราะมีบทลงโทษปรับสูง

3. ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในที่สาธารณะ
ในเมืองใหญ่ เช่น ซิดนีย์หรือเมลเบิร์น มีเขต “Alcohol Free Zone” หากฝ่าฝืน อาจถูกเจ้าหน้าที่ตรวจสอบหรือสั่งปรับ แนะนำให้ดื่มในร้าน หรือผับบาร์เท่านั้น

4. ให้ความเคารพต่อสิทธิส่วนบุคคล
คนออสเตรเลียให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนตัว หลีกเลี่ยงการถ่ายภาพผู้คนโดยไม่ได้รับอนุญาต หากจะขอถ่ายภาพ ควรขออนุญาตอย่างสุภาพก่อนเสมอ

5. ราคาสินค้ายังไม่รวม VAT 10%
ภาษีมูลค่าเพิ่มจะถูกบวกไปเมื่อเวลาคิดเงินกับแคชเชียร์

6. Tax Refund
ถ้าซื้อสินค้าที่ราคามากกว่า A$300 ต่อใบเสร็จ สามารถเคลม Tax Refund ได้ (ควรเผื่อเวลาที่สนามบินด้วย)

7. การให้ทิปในร้านอาหารระดับสูง
วัฒนธรรมการให้ทิปในออสเตรเลียไม่เคร่งครัดเหมือนสหรัฐฯ

  • โดยทั่วไปไม่จำเป็นต้องให้ทิป
  • หากได้รับบริการดีในร้านอาหารระดับกลางถึงสูง อาจให้ทิป 5–10% เพื่อแสดงความพึงพอใจ

Marathon Expo

จัดขึ้นที่ ICC Sydney (International Convention Centre)

พิกัด: https://maps.app.goo.gl/LGKUGx3wLbFKLFHY6

นักวิ่งสามารถรับบิบได้ในช่วงเวลาดังต่อไปนี้

  • วันพฤหัสบดี 28 สิงหาคม เวลา 09:00 – 20:00 น.
  • วันศุกร์ 29 สิงหาคม เวลา 08:00 – 20:00 น.
  • วันเสาร์ 30 สิงหาคม เวลา 09:00 – 16:00 น.

* เตรียมหนังสือเดินทางเพื่อใช้ในการยืนยันตัวตนรับบิบด้วย
**QR Code เพื่อรับบิบ อยู่ใน Race Roster นักวิ่งต้อง login เข้าไป คลิก View My Registration

สำหรับนักวิ่งที่ต้องการฝากของ สามารถนำเสื้อผ้าและของที่จะฝากในวันแข่ง ใส่ถุง และฝากได้ที่เค้าน์เตอร์ฝากของในงาน expo ได้เลย (ไม่มีการรับฝากของในวันแข่ง)

การเตรียมตัวสำหรับวันแข่งขัน

  • รับประทานอาหารที่ให้พลังงานเพียงพอ โดยเฉพาะพลังงานจากคาร์โบไฮเดรต
  • พักผ่อน นอนหลับให้เต็มที่และเพียงพอ
  • หากต้องการรับประทานอาหารเช้า เผื่อเวลาให้อาหารย่อยก่อนเวลาแข่งขันอย่างน้อย 2 ชั่วโมง
  • นำอุปกรณ์ที่จะใช้สำหรับวันแข่งขันมาจัดวางเรียงไว้
  • เพื่อป้องกันการบาดเจ็บจากการเสียดสี ทาวาสลีนตามรอยต่อของตะเข็บผ้า ข้อพับ และจุดต่างๆ ที่อาจเกิดการเสียดสีเป็นเวลานานระหว่างวิ่ง
  • เตรียมชุดคลุม เสื้อกันหนาว ชุดกันฝน สำหรับการเดินทางไปจุดปล่อยตัว ในกรณีอากาศหนาว อาจเตรียมชุดคลุมเก่าๆ ที่สามารถโยนบริจาคได้ หรือชุดกันฝนแบบใช้แล้วทิ้ง

RACE DAY

วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม ปล่อยตัวเวลา 6:30 น. ที่ Miller St., North Sydney มีเวลา cut off 7 ชั่วโมง จะมีจุดบริการน้ำดื่มและเกลือแร่เริ่มตั้งแต่กิโลเมตรที่ 5 และหลังจากนั้นทุกๆ 2.5 km จุดแจก Energy Gels จะอยู่ที่ระยะ 20km และ 30km

นักวิ่งที่ติดบิบ สามารถใช้ pubic transportation ได้ฟรีในวันแข่ง

จาก Central Station นั่ง Metro M1 (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30+ นาที)

  • นักวิ่งบิบสีแดงและสีส้ม ไปลงสถานี Victoria Cross
  • นักวิ่งบิบสีเขียว ไปลงสถานี Crows Nest

ข้อมูลการเดินทางและการปิดถนน: https://transportnsw.info/events/2025/08/sydney-marathon-2025

เส้นทางของสนามนี้ เป็นสนามที่ยากที่สุดใน 7 สนาม World Marathon Majors

  • Net Elevation Gain: 317 เมตร
  • Net Elevation Loss: 400 เมตร
  • Total Elevation: -83 เมตร
sydney-marathon-elevation

คู่มือนักวิ่ง TCS Sydney Marathon 2025

นักวิ่งทุกคนควรจะ download และทำความเข้าใจข้อมูลใน Event Runner’s Guide อย่างละเอียด

หากเกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วย

  • ขอใบรับรองแพทย์ ที่มีรายละเอียดครบถ้วน
  • ใบเสร็จจากสถานพยาบาลต้องระบุค่าใช้จ่ายอย่างละเอียด
  • สำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลด้วยบัตรเครดิต
  • เก็บ boarding pass ไว้ทั้งไปและกลับ
  • ติดต่อประกันเดินทาง

หนังสือเดินทางหาย

  • แจ้งความที่สถานีตำรวจ หรือโทร. 13144
  • ได้หลักฐานการแจ้งความมีเลข Event Number
  • ติดต่อสถานกงสุลใหญ่ฯ ซิดนีย์ เพื่อออกหนังสือเดินทางฉุกเฉิน (ETD) – ไม่มีค่าธรรมเนียม

Royal Thai Consulate – Sydney
131 Macquarie St., Sydney, NSW
โทร. (02) 9241 2542